เตรียมตัวพบกับ Area-51(2014) Gaming Desktop สเปคระดับเทพสำหรับคอเกมจากค่าย Alienware

Posted by on

สำหรับคอเกมเมอร์ทั้งหลายที่ชื่นชอบในการเล่นเกมอย่างมาก ก็คงจะอยากได้คอมพิวเตอร์ที่มีสเปคขั้นเทพมาใช้เล่นเกมกันให้สนุกกันไปเลยใช่ไหมละคะ แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่มาจากค่าย Alienware คือสิ่งที่ใครๆก็อยากได้ และวันนี้เราก็ได้หยิบเอาข่าวใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจไม่น้อยมาแนะนำกันค่ะ ซึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับอุปกรณ์สำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ใครที่รู้ตัวว่าเป็นเกมเมอร์ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Area-51(2014) Gaming Desktop ทางด้านของค่าย Alienware ได้มีการผลิตอุปกรณ์ดังกล่าวออกมาให้ได้จับจองเป็นเจ้าของกัน ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้มีการพัฒนา Area 51 ให้สามารถที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการออกแบบหน้าตาใหม่ที่มีความทันสมัย ไม่เหมือนใคร เรียกได้ว่าคอเกมเมอร์เห็นแล้วต้องตาลุกวาวแน่นอน แต่ถ้าพูดถึงในส่วนของราคาก็จัดเต็มแบบกระเป๋าฉีกไม่น้อยเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นคอเกมเมอร์ก็ต้องลงทุนสักหน่อย เพราะของชั้นเยี่ยมขนาดนี้หาไม่ได้ง่ายๆอีกแล้ว

ไปดูทางด้านของรายละเอียดในการออกแบบกันบ้างดีกว่าค่ะ ทางด้านการออกแบบรูปลักษณ์จะเป็นสามเหลี่ยมสวยงาม หรูหรา สามารถเล่นได้ทั้งวันทั้งคืน เพราะมีทั้งช่องระบายอากาศความร้อน และยังมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำอีกด้วย เล่นกันแบบซะใจกันเลยทีเดียว แต่ถ้าหากว่าใครอยากจะเปลี่ยนสเปคบ้าง อัพเกรดระดับกันบ้างก็สามารถเข้าถึง เพื่อปรับแต่งอุปกรณ์ภายในได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้สะดวกสบายอย่างมาก ขอบอกว่าสเปคภายในที่จัดเต็มมานั้นถึงขั้นสุดยอดอย่างแท้จริง เพราะใช้ Intel Core i7 Extreme Haswell-E ที่แล้วแต่ผู้ใช้งานว่าจะเลือกแบบ 6 Core หรือ 8 Core ใช้ Intel X99 Express สามรถรองรับกราฟิกสูงสุดได้มากถึง 3 ชุดด้วยกัน เป็นต้น ในส่วนของราคาก็ค่อนข้างหนักใจอยู่เหมือนกันค่ะ โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,699 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 55,000 บาท แต่ถ้าหากจะจัดเต็มราคาก็จะอยู่ที่ 1 แสนบาทต้นๆ ขอบอกก่อนนะค่ะว่า Area-51(2014) Gaming Desktop เครื่องนี้มีน้ำหนักมากถึง 28 กิโลกรัมเลยทีเดียว

ทันสมัยสุดๆ Android 5.0 ผู้ใช้งานสามารถเลือกแอพพลิเคชั่นเดิมจากเครื่องเดิม ลงเครื่องใหม่ได้อย่างสบายๆ

Posted by on

สำหรับใครหลายคนที่ชื่นชอบในเรื่องของสมาร์ทโฟนหลากหลายค่าย เปลี่ยนมาใช้ค่ายโน้นที ค่ายนี้ที เรียนรู้ระบบการใช้งานของหลากหลายเครื่อง หรือที่เรียกง่ายๆว่าเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยนั่นเอง เชื่อว่าจะต้องเซ็งและอารมณ์เสียกับปัญหานี้อย่างแน่นอนค่ะ นั่นก็คือการที่จะต้องเริ่มดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาลงใหม่ เพิ่มข้อมูลบางอย่างลงไปใหม่ ซึ่งคนที่เปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยจะทราบดีว่ามันน่าหงุดหงิดและเสียเวลาแค่ไหน แต่ Android 5.0 ออกมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะค่ะ แต่ถ้าใครคิดว่ามันต้องยุ่งยากแน่เลยก็คิดผิด เพราะวิธีการย้ายข้อมูลแอพพลิเคชั่นจากเครื่องเก่ามาลงเครื่องใหม่ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่เชื่อมต่อโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องผ่านทางบลูทูธ และจัดการย้ายแอพพลิเคชั่นที่คุณต้องการไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้หมด แค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้วค่ะ สำหรับโทรศัพท์เครื่องใหม่ก็จะได้บัญชีกูเกิลเดิมของเครื่องเดิมไปใช้นั่นเอง แต่ถ้าใครประสบปัญหาตัวเครื่องโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ใกล้ๆก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะคุณสามารถที่จะโหลดได้จากไฟล์แบ็คอัพบนเซิร์ฟเวอร์ของ Google และที่สำคัญคุณยังสามารถที่จะเลือกจากแบ็คอัพของเครื่องที่เคยใช้มาก่อน ไปพร้อมๆกับการเลือกแอพพลิเคชั่นที่จะติดตั้งใหม่ไปพร้อมกันได้อีกด้วย อีกหนึ่งความน่าสนใจก็คือคุณสามารถเลือกตำแหน่งที่จะวางแอพพลิเคชั่นของคุณในที่เดิมได้อย่างสบายๆเลยละคะ ถือว่าเป็นอะไรที่ดีขึ้นจริงๆสำหรับกรอัพเดต Android 5.0 ตัวนี้

VPS vs Cloud VPS เลือกอะไรดี?

Posted by on

กลุ่มผู้ใช้งาน Virtual Private Server หรือ VPS ก็คงเป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการความเสถียรภาพของระบบที่สูงมากๆแล้ว สิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่จะต้องรู้จักและทำความเข้าใจกัน ระหว่าง VPS และ Cloud VPS เป็นอีกปัจจัยสำคัญในระบบเทคโนโลยีการจำลองระบบในปัจจุบันอย่างมาก เพราะว่าคุณอาจจะเลือกผิดก็เป็นได้

ระบบ Cloud ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่! ใครๆก็บอกแบบนี้ แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่รู้จัก บางคนรู้จักแต่ก็ไม่เข้าใจการทำงานของมันอย่างลึกซึ้ง บางคนบอกว่าระบบ Cloud ล่มไม่ได้เด็ดขาด (คาดหวังมากเกินไป) หรือบางคนก็บอกว่ามันคือการเอาเซิฟเวอร์มาทำงานร่วมกันแบบพร้อมๆกันได้ จากที่กล่าวมานี้เป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบคลาวด์โดยสิ้นเชิง

นิยามของระบบ Cloud คืออะไร ?

ระบบคลาวด์คือ การนำเอาเซิฟเวอร์หลายๆตัวมาทำงานร่วมกัน และแยกออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ

  1. Processing Server – สำหรับประมวลผลโดยเฉพาะ
  2. Storage Server – สำหรับเก็บข้อมูลโดยเฉพาะ

โดยตามหลักการของระบบคลาวด์จะต้อง High Availability หมายถึง สามารถพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น Processing Server และ Storage Server ควรจะมีอย่างน้อยๆ 2 ตัวขึ้นไป เมื่อตัวใดตัวหนึ่งเกิดความเสียหาย ระบบก็จะสามารถไปรันอีกตัวได้ทันที

ในส่วนของ Storage Server ควรจะใช้ Server ที่เรียกว่า Storage Attach Network (SAN) แบบ Dual Controller เพราะว่าจะมีระบบ High Availability ในตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น สามารถใช้ Storage Server เพียงแค่ 1 ตัวก็ได้ แต่สำหรับ Processing Server จะต้องมี 2 ตัวขึ้นไปอยู่ดี

การทำงานของระบบ Cloud ที่หลายๆคนเข้าใจผิด ?

  • ระบบ Cloud สามารถทำงานบนเซิฟเวอร์ 2 ตัว หรือหลายๆตัวพร้อมๆกันได้ – ในปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะรวมเอา Hardware หลายๆตัวมาทำงานเสมือนเป็นเพียง 1 ตัวได้
  • ระบบ Cloud จะไม่ล่ม หากเซิฟเวอร์เกิดความเสียหาย – เช่นเดียวกับการทำงานบนเซิฟเวอร์หลายๆตัวเสมือนเซิฟเวอร์ 1 ตัวไม่ได้ เพราะฉะนั้น VM หรือ VPS จะทำงานได้บนเซิฟเวอร์ตัวเดียวเท่านั้น และหากเซิฟเวอร์เสียหาย ถ้าเป็นระบบคลาวด์ ระบบจะย้าย VPS ในเซิฟเวอร์นั้นๆไปรันบนเซิฟเวอร์อื่นๆในระบบได้ทันที แต่สำหรับระบบ VPS ทั่วไปไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้น “ระบบคลาวด์ เซิฟเวอร์ที่มี VPS รันอยู่เกิดความเสียหาย ระบบจะสามารถกลับมาใช้งานได้ภายใน 1 – 5 นาที”
  • ระบบคลาวด์ที่ใช้ NAS ก็เหมือนกับระบบคลาวด์ที่ใช้ SAN – ระบบคลาวด์ที่ใช้ SAN จะมีการปกป้องของข้อมูลอย่างแท้จริง เพราะว่ามี Dual Controller สามารถพังได้ 1 Node (Dual Controller หมายถึง 2 Node) แต่ข้อมูลไม่หาย และระบบก็ยังสามารถทำงานได้ปกติ แต่ถ้าเป็น Network Attached Storage (NAS) จะมีเพียงแค่ 1 Node เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เซิฟเวอร์ NAS 2 ตัวในระบบคลาวด์ เมื่อเซิฟเวอร์ NAS เสียหาย ระบบก็จะล่มและข้อมูลในเซิฟเวอร์นั้นก็จะไม่สามารถใช้งานได้ด้วย

Cloud VPS vs VPS ควรเลือกบริการแบบใด ?

จากที่ได้อธิบายถึงระบบ Cloud ไปแล้วข้างต้น ระบบคลาวด์จะมีความสามารถของ High Availability ซึ่งระบบ VPS ทั่วๆไปไม่สามารถทำได้ ระบบ VPS ทั่วๆไปจะทำงานบนเซิฟเวอร์เพียง 1 ตัว และจะมี Storage ภายในเซิฟเวอร์นั้นๆ หรือบางที่อาจจะใช้ NAS เข้ามาต่อเพื่อแชร์ Storage ให้กับเซิฟเวอร์แต่ละตัว แต่เมื่อมีเซิฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งเกิดความเสียหาย แน่นอนว่าการกู้คืนระบบกลับมาให้ใช้งานได้นั้นต้องใช้เวลานานมากๆ อาจจะ 6 ชั่วโมงขึ้นไป ไปจนถึง 24 – 48 ชั่วโมงก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้น Cloud VPS จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในโลกเทคโนโลยีปัจจุบัน

เปลี่ยนรูปแบบการโจมตีใหม่!!! พบตู้ ATM ถูกฝังมัลแวร์ สามารถกดเงินได้โดยไม่ต้องใช้บัตร

Posted by on

เป็นเรื่องที่ควรระวังอีกเรื่องหนึ่งแล้วละค่ะ เมื่อความอันตรายที่เคยเกิดกับผู้ใช้งานบัตร ATM และในตอนนี้กลับไปเกิดขึ้นกับตู้ ATM เอง ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนเล่นงานเข้าให้แล้ว ซึ่งทางบริษัท Kaspersky ได้มีการเปิดเผยข้อมูลที่มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่มีชื่อว่า Tyupkin ซึ่งจะมีการฝังตัวอยู่ภายในตู้ ATM ที่ส่งผลทำให้แฮกเกอร์สามารถที่จะทราบยอดเงินที่เหลือในข้อมูลบัญชีของเหยื่อ และสามารถกดเงินออกมาได้โดยที่ไม่ต้องใช้บัตร ATM แต่อย่างใด โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้อยู่ในประเทศรัสเซียและแถบยุโรปตะวันออก มีการคาดการณ์ว่าน่าจะมีการระบาดไปยังประเทศอื่นๆอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยอีกว่าการตรวจจับพฤติกรรมของมัลแวร์ตัวนี้จับยากมาก เพราะจะมีการทำงานก็ต่อเมื่อมีการกดรหัสในช่วงเวลาที่แฮกเกอร์ได้กำหนดเอาไว้เท่านั้น และถ้าหากว่ามัลแวร์ตัวนี้ถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการรันอย่างต่อเนื่อง และรอรับคำสั่งจากผู้ใช้ โดยทาง Kaspersky ได้มีการให้ความเห็นว่า ปัจจุบันผู้ใช้งานเริ่มเรียนรู้และมีวิธีป้องกัน ทำให้โจมตีได้ยาก แฮกเกอร์จึงหันมาเล่นงานตู้ ATM แทน อย่างไรก็ตามตอนนี้ทาง Kaspersky ก็ได้ฝากถึงทางเจ้าของธนาคารให้มีการตรวจสอบตู้ ATM อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นได้

สุดยอดโครงการ SmartMat เสื่ออัจฉริยะเพื่อเปลี่ยนการเล่นโยคะของคุณดีขึ้น

Posted by on

โยคะ กลายเป็นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากเหล่าคุณผู้หญิง เพราะเป็นกีฬาที่เล่นที่ไหนก็ได้ของบ้าน ไม่ต้องออกไปข้างนอก ช่วยฝึกสมาธิได้เป็นอย่างดี และช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนิยมที่จะเล่นโยคะกันเป็นประจำ และแน่นอนค่ะเมื่อเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจก็ได้มีการหยิบเอาเสื่อมาทำให้มันเป็นเสื่ออัจฉริยะเสียเลย ซึ่งโครงการ SmartMat นี้เกิดขึ้นเพื่อการพัฒนาเสื่ออัจฉริยะ เพื่อที่จะเปลี่ยนการเล่นโยคะให้ดีขึ้น โดยจะมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ของผู้ใช้งาน และจะให้ข้อมูลคำแนะนำในการเล่นโยคะให้กับผู้ใช้งาน และก็เป็นการพัฒนาที่ประสบความสำเร็จเกินคาด ซึ่งการพัฒนาครั้งนี้มีการใช้งบประมาณในการลงทุน 110,000 ดอลลาร์ ไปดูรายละเอียดและความสามารถของ SmartMat เสื่ออัจฉริยะกันเลยดีกว่าค่ะ

หน้าตาของ SmartMat เสื่ออัจฉริยะ ก็จะเหมือนกับเสื่อโยคะทั่วไปที่ใช้เพื่อการรองรับน้ำหนักของร่างกาย แต่ความไม่ธรรมดาของ SmartMat ซ่อนอยู่ด้านในค่ะ เพราะเมื่อคุณเริ่มเล่นโยคะบน SmartMat โดยอยู่ในท่าต่างๆที่คุณถนัดหรือเล่นเป็นประจำ SmartMat สามารถที่จะรับรู้ได้ว่าคุณกำลังอยู่ท่วงท่าใด เนื่องจากรับรู้ได้จากแรงกดจากร่างกายว่าเกิดจากจุดใด แรงกดจากส่วนใดมากกว่ากัน ซึ่ง SmartMat จะทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งาน เมื่อผู้ใช้งานเล่นโยคะบน SmartMat จะมีการส่งข้อมูลผ่านทางสมาร์ทโฟนว่าคุณควรลดน้ำหนัก หรือเพิ่มแรงกดน้ำหนักตรงส่วนใดของร่างกาย ซึ่งจะมีคำแนะนำสำหรับการเล่นโยคะให้กับผู้ใช้งานได้เข้าใจและสามารถเล่นโยคะอย่างเข้าใจได้ง่ายขึ้น

รูปร่างของ SmartMat จะมีขนาดกว้าง 0.66 เมตร ยาว 1.80 เมตร วัสดุของผิวหน้าเสื่อจะทำมาจาก PVC เกรดพิเศษ สามารถเชื่อมต่อกับ iOS 5 ขึ้นไป หรือ Android 4.3 ขึ้นไป ภายในตัวของ SmartMat จะมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมง และที่สำคัญสามารถนำไปซักได้ตามปกติ เพราะมีคุณสมบัติกันน้ำ และสามารถทนอุณหภูมิได้ถึง 43 องศาเซลเซียส นอกจาก SmartMat เสื่ออัจฉริยะ นี้แล้วทางทีมผู้พัฒนายังมีการวางแผนที่จะสร้าง SmartMat Marketplace ขึ้นมาอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นแหล่งศูนย์รวมของแอพพลิเคชั่น สื่อนำสำหรับการเล่นโยคะผ่านทาง SmartMat โดยเฉพาะ สำหรับใครที่สนใจอยากได้ SmartMat เป็นเจ้าของสามารถสั่งจองสินค้าได้โดยผ่านทาง Indiegogo ในราคา 347 ดอลลาร์ โดยมีการคาดการณ์กันว่าจะส่งสินค้าถึงมือผู้รับในเดือนกันยายนปีหน้า อึ้งกับเทคโนโลยีบนโลกของเราในปัจจุบันกันใช่ไหมละคะ มันเป็นอะไรที่เจ๋งสุดๆไปเลย

ใกล้ถึงความจริงแล้วสำหรับการพัฒนา Final Fantasy XV

Posted by on

จะว่าไปก็เป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับวงการเกมที่หลายคนรอคอย ถ้าพูดถึงเกมที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของความสนุกในตัวเกม และความสวยงามของเรื่องระบบกราฟิกก็คงจะหนีไม่พ้น Final Fantasy และปัจจุบันหลายคนก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอคอยเวอร์ชั่นใหม่ที่มีชื่อว่า Final Fantasy XV ว่าเมื่อไหร่หนอจะมีการวางขายเสียที เพราะเรื่องของเรื่องยังทำการพัฒนาระบบเกมยังไม่เสร็จเรียบร้อยนั่นเอง ทั้งที่มีการพัฒนาระบบมานานกว่า 8 ปีแล้ว ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่น้อยเลยสำหรับการพัฒนาตัวเกมที่หลายคนรอคอยนี้ แต่ดูท่าทางการรอคอยของคนรักเกมจะเริ่มเห็นแสงสว่างและเป็นจริงขึ้นมาบ้างเมื่อ Hajime Tabata ผู้กำกับคนใหม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความพัฒนาของเกมที่มีไปมากถึง 55% แล้ว ทั้งนี้ก็เพราะแนวคิด “การเริ่มทำใหม่” หลังจากที่เขาได้เข้าควบคุมการพัฒนาเกม Final Fantasy XV ตัวนี้อย่างเต็มตัว

นอกจากนี้แล้ว Hajime Tabata ผู้กำกับคนใหม่ยังกล่าวอีกว่า Final Fantasy XV จะไม่เหมือนในภาคก่อนๆที่มีมา แต่จะให้ความรู้สึกที่ดีและแตกต่าง แต่ยังคงความสนุกเอาไว้เช่นเดิม โดยมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เช่น การเปลี่ยนแพลตฟอร์มของเกมมาลงในคอนโซลรุ่นใหม่ทั้งหมด มีการปรับปรุงระบบกราฟิกในเกมที่ก่อนเคยใช้ระบบเรนเดอร์ มาเป็นการใช้ระบบเรนเดอร์ผสมกับกราฟิกแทน เมื่อมองภาพรวมทางด้านกราฟิกของเกมมีการพัฒนาไปมากกว่า 70% แล้ว ในส่วนของรูปแบบการเล่นนั้นจะให้อารมณ์ความรู้สึกเสมือนคุณไปเดินทางสำรวจโลกด้วยรถยนต์ และ Hajime Tabata ยังบอกอีกว่าอยากให้ผู้เล่นจินตนาการเสมือนว่าคุณอยู่ในเรือเหาะเหมือนใน Final Fantasy ภาคที่แล้วมา อย่างไรก็ตามหลายคนก็มีความหวังว่าจะได้เล่นเกม Final Fantasy XV ที่มีความแตกต่างไปจากเดิมในทิศทางที่ดีกว่าเดิม มีความอิสระในเกมมากกว่าเดิม และมีอะไรที่น่าตื่นเต้นและเร้าใจ เพราะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาค่อนข้างนาน จนหลายคนลืมไปแล้วว่ายังมีการพัฒนาเกม Final Fantasy XV ภาคนี้อยู่

Microsoft ประกาศหยุดให้บริการสนับสนุน MSN วันที่ 31 เดือนตุลาคมนี้

Posted by on

MSN Messenger หรือโปรแกรมแชทยอดฮิตในอดีต ยังจำกันได้มั๊ยว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มี Facebook, Twitter หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คตัวอื่นๆ MSN ได้รับความนิยมอย่างมาก จะจีบกันหรือพูดคุยงานต่างๆ รวมทั้งประชุมกลุ่มออนไลน์ เราก็ใช้โปรแกรมแชทตัวนี้ช่วย ซึ่งตอนนี้ก็อยู่มาถึง 15 ปีแล้ว หลังจากที่มีโซเชียลเน็ตเวิร์คเข้ามา ผู้ใช้งานก็หันหลังให้ MSN เรื่อยๆ จนสุดท้ายนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ Microsoft ได้ประกาศหยุดให้บริการสนับสนุน MSN ในวันที่ 31 เดือนตุลาคมนี้แล้ว ซึ่งก็ให้หันไปใช้บริการโปรแกรม Skype แทน จะว่าไปก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เรามาร่วมไว้อาลัยให้กับโปรแกรมแชทตัวนี้ด้วยกันเถอะ

# หรือ Hashtag ไม่ใช่สัญลักษณ์มั่วๆ แต่มีความหมายในตัวเอง

Posted by on

สำหรับเครื่องหมาย # หรือ Hashtag ตามที่เห็นว่ามีการใช้กันมากใน Social Network นั้น อันที่จริงเครื่องหมายนี้มีความหมายนะ ไม่ใช่ว่าเป็นสัญลักษณ์มั่วๆ

โดย Hashtag จะเปรียบเสมือนคีย์เวิร์ด หรือคำค้นหาหลักเพื่อใช้ค้นหากลุ่มเพื่อน ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน มีความรู้สึกเหมือนกัน หรือกำลังติดตามเรื่องราวบางเรื่องเหมือนๆกันอยู่ วิธีใช้ก็เช่น วัดกระแสละครในช่วงออกอากาศอย่างที่เราได้เห็นบ่อยๆในช่วงนี้ก็ต้องนี้เลย ‪#‎HormonesTheSeries2 หรือจะเป็นเรื่องดังๆที่ผ่านมาเช่น เรื่องของโค้ชเช ก็จะมีการพูดถึงความรู้สึกของตัวเองในเรื่องนี้จากนั้นก็ติด #โค้ชเช เข้าไปเพื่อบ่งบอกว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร หรือกำลังให้ความสนใจในเรื่องใดอยู่ จากนั้นคนที่สนใจในเรื่องเดียวกันก็จะเข้ามาพูดคุยกัน นอกจากนี้ Hashtag ยังสามารถช่วยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สร้างแบรนด์ หรือจะใช้สร้างกระแสสังคมก็สามารถทำได้ง่ายๆเลยด้วย

ดาวน์โหลดกันได้แล้ว IDM 6.21 FULL เวอร์ชั่นล่าสุด

Posted by on

สำหรับผู้ใช้งานที่เลือกใช้งานโปรแกรมช่วยโหลด Internet Download Manager หรือ IDM นั้นก็จะได้เห็นการพัฒนาการของซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดอยู่อย่างสม่ำเสมอจริงๆ เรียกได้ว่าเพิ่มเสริมออฟชั่นต้างๆมากมาย สมกับที่เป็นซอฟต์แวร์ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อแลกมาซึ่งความเร็วในการดาวน์โหลดที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ยังให้เราได้ใช้งานฟรีๆมากถึง 30 วันเลยนะ

สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดของ IDM FULL ก็ได้เปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการแล้วด้วย IDM 6.21 FULL เชิญไปดาวน์โหลดมาติดตั้งและใช้งานกันได้เลย สำหรับผู้ทีมีอยู่แล้วก็เพียงแค่อัพเดตกันเบาๆ ก็จะได้ใช้คุณสมบัติใหม่ของโปรแกรมช่วยโหลด Internet Download Manager กันแล้วหะล

พวงกุญแจ GoKey อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคแบบพกพา สามารถใช้งานได้สารพัดอย่างในชิ้นเดียว

Posted by on

จะดีแค่ไหนหากเรามีอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กที่สามารถทำงานได้หลายอย่างในชิ้นเดียว วันนี้เราเลยมีไอเดียพวกกุญแจเก๋ๆ และมีประโยชน์ใช้ในการดำเนินชีวิตประวันได้เป็นอย่างดีมาฝากกัน

GoKey คือพวงกุญแจอิเล็กทรอนิคที่มีประโยชน์สารพัดอย่างในตัว สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ทุกที ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงระดมทุนที่เว็บไซต์ indiegogo เราลองมาดูกันดีกว่าเมื่อพวกกุญแจนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะสามารถใช้งานด้านใดได้บ้าง

  • ใช้เป็นแบตเตอรี่สำรอง ความจุ 400 mAhช่วยยืดอายุการใช้งานของสมาร์ทโฟน Android, Windows Phone และ iPhone 5 ขึ้นไปได้นานกว่า 1-2ชั่วโมง
  • เป็นอุปกรณ์ช่วยค้นหา เนื่องจากมีฟังก์ชั่นบลูทูธที่ใช้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เวลาใช้งานก็เรียกใช้แอพพลิเคชั่นสำหรับ GoKey โดยเฉพาะ ช่วยให้เราสามารถค้นหาสมาร์ทโฟนในระยะ 30 เมตรได้ หากว่าเราลืมวางเอาไว้ยังที่ต่างๆ เพียงแค่กดปุ่มที่พวงกุญแจ GoKey เพื่อส่งสัญญาณไปยังสมาร์ทโฟน เมื่อพบก็จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนกลับมา ตรงกันข้ามหากต้องการค้นหาพวกกุญแจ GoKey ก็แค่เปิดแอพพลิเคชั่นที่สมาร์ทโฟน เพื่อส่งสัญญาณไปยังพวกกุญแจ หากคลื่นสัญญาณมีตัวเลขเพิ่มขึ้นแสดงว่าพวงกุญแจอยู่ใกล้ๆนั่นเอง
  • เป็นแฟลชไดร์ฟในตัวมีขนาดความจุให้เลือกทั้ง 8GB, 16GB และ 32GB ด้วยกัน พร้อมกันนี้ก่อนจะเข้าถึงโฟลเดอร์ข้อมูลก็จะต้องใส่รหัสก่อนทุกครั้งด้วย เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล หรือจะใช้เป็น USB เพื่อดึงข้อมูลจากสามาร์ทโฟนมายังคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

นอกจากคุณสมสบัติข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีลูกเล่นในการเช็คแบตเตอรี่อีกหนึ่งอย่าง นั่นคือเมื่อต้องการทราบว่าแบตเตอรี่ในพวงกุญแจ GoKey พร้อมใช้งานหรือเปล่า ก็เพียงแค่เขย่าที่ตัวพวงกุญแจ จากนั้นพวงกุญแจก็จะแสดงไฟ LED ออกมา หากเป็นสีเขียวแสดงว่าพร้อมใช้งาน หากเป็นสีแดงแสดงว่าต้องชาร์จแบตซะแล้ว เนื่องจากเป็นการแจ้งเตือนว่าแบตเหลือไม่ถึง 20%